พุทธศักราช 2520 เป็นปีที่จังหวัดสุโขทัยเริ่มต้นฟื้นฟูประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ โดยความคิดริเริ่มของนายนิคม มูสิกะคามะ โดยพิจารณาจากหลักฐานสำคัญคือข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า
"
เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากประตูหลวง เทียรย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูท่านเผาเทียน
ท่านเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้มีดังจักแตก
"
การเผาเทียน คือ การจุดเทียนเพื่ออุทิศแสงสว่างของดวงเทียนเป็นพุทธบูชา เชื่อกันว่า ทำให้เกิดดวงปัญญาเฉลียวฉลาด
เล่นไฟ เห็นจะหมายถึง การจุดดอกไม้ไฟมีสีสันต่าง ๆ อย่างที่เรียกว่า พลุ ไฟพะเนียง ไฟลูกหนู ระทาดอกไม้ ฯลฯ
การเล่นดอกไม้ไฟโบราณ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดอกไม้เพลิง เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องรวมช่างจากสาขาวิชาหลายแขนงมาทำงานร่วมกัน เช่น ช่างไม้ ช่างวาดเขียน ช่างแกะสลัก ช่างผู้ผสมเชื้อเพลิง หรือที่เรียกว่า ดินดำ ต้องเป็นช่างผู้มีความชำนาญและประสบการณ์สูง ส่วนประกอบสำคัญและเคล็ดลับในการประดิษฐ์ดอกไม้เพลิงโบราณให้มีเสียง แสงสีสวยงาม แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของคนไทยแต่โบราณที่ได้ค้นคิดเกี่ยวกับวิทยาการแขนงนี้ไว้ด้วยความฉลาดหลักแหลมยิ่ง ปัจจุบันมีผู้สืบทอดประดิษฐ์ดอกไม้เพลิงโบราณประเภท พลุ ตะไล ไฟพะเนียงที่จังหวัดสุโขทัยหลายท่านเช่น นายแผน อินสอน นายสืบสกุล (อ๊อด) แสนโกศิก และอาจารย์สัญลักษณ์ แสนโกศิก นอกจากนี้ก็ยังมีนายสิทธา สลักคำ (อัยการอาวุโส ตำแหน่งปัจจุบัน พ.ศ. 2545 ) ผู้อนุรักษ์และส่งเสริมการเล่นดอกไม้เพลิงโดยเป็นคนแรกและคนเดียวที่รวบรวมอาจารย์ผู้ประดิษฐ์ดอกไม้เพลิงโบราณหลากชนิดเข้าร่วมจุดแสดงในงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟที่จังหวัดสุโขทัยในปี พ.ศ. 2528 และปี พ.ศ. 2529 โดยขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดสุโขทัย
การเล่นดอกไม้เพลิงโบราณมีจุดมุ่งหมายเพื่อน้อมนำนมัสการถวายเป็นพุทธบูชา วิธีการเล่นหรือจุดดอกไม้เพลิงจึงผูกพันกับ"สัจจธรรม" สำคัญของการมีตัวตน หรือมีชีวิต คือ "การเกิดและการแตกดับ" โดยจัดการเล่นเป็นขั้นตอนสำคัญไว้ 5 ขั้น คือ
|