|
เป็นประเพณีพื้นบ้านที่เก่าแก่ของหมู่บ้านโซกกระบาท ตำบลคีรีมาศ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ประเพณีนี้ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่หลังจากสูญหายไปราว 40 ปี ในอดีตเมืองศรีคีรีมาศต้องส่งส่วยน้ำผึ้งทดแทนการถูกเกณฑ์แรงงานตามพระราชกำหนดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้มีการยกเลิกการส่งส่วยน้ำผึ้ง การส่งส่วยดังกล่าวเป็นผลให้เกิดมีประเพณีการทำขวัญผึ้งเพื่อให้ผึ้งมาทำรังตามต้นไม้มากๆ ต่อมาประเพณีได้ค่อย ๆ เลือนหายไป ศูนย์ศึกษาและวิจัยวัฒนธรรมพื้นบ้าน หัวเมืองฝ่ายเหนือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก) ได้ฟื้นฟูประเพณีการทำขวัญผึ้งตำบลคีรีมาศ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยขึ้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2526 ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 |
สถานที่ประกอบพิธีทำขวัญผึ้งเป็นป่าใหญ่อยู่ไกลออกไปจากหมู่บ้าน บริเวณเขาหลวงนี้อุดมไปด้วยว่านนานาชนิด จึงเป็นแหล่งที่เกิดน้ำผึ้งดอกว่านขึ้น ก่อนจะถึงวันทำพิธี ชาวบ้านจะช่วยกันเตรียมข้าวของเครื่องใช้ ข้าวปลาอาหาร สำหรับรังผึ้งปลอมต้องทำไว้ตั้งแต่กลางคืน คือ การทำขนมแดกงา เริ่มด้วยการนำข้าวเหนียวล้างสะอาด แช่น้ำไว้จนข้าวเหนียวขึ้นน้ำ นำไปนึ่งให้สุกเมื่อสุกแล้วเทข้าวเหนียวร้อน ๆ
ใส่ครกผสมกับเกลือเล็กน้อยโขลกให้เกลือเหลวแล้วจึงค่อย ๆ เอางาดำที่คั่วแล้วผสมลงไปโขลกด้วยจนน้ำมันงาออกทำให้ข้าวเหนียวไม่ติดครก เมื่อโขลกเหนียวได้ที่แล้วเอาข้าวเหนียวผสมงาไปใส่กระด้งนวดให้เหนียวผสมงาอีกครั้งหนึ่งจนมีสีดำ จากนั้นทำเป็นรังผึ้งขนาดต่าง ๆ ติดกิ่งไม้ไว้เพื่อเตรียมไปแขวนที่ป่า เช้าของวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ชาวบ้านจะพากันเดินทางไปยังบริเวณที่ประกอบพิธีในป่า บริเวณที่จะทำพิธีต้องมีต้นไม้ใหญ่และเคยมีรังผึ้งมาก่อนแล้ว เรียกลักษณะเช่นนี้ว่า "โซกลำเกลียว" เท่าที่ผ่านมาต้นไม้ที่ใช้ประกอบพิธี คือ ต้นยาง เมื่อได้ต้นไม้ในลักษณะที่ต้องการแล้ว กำหนดเขตโดยใช้ไม้ไผ่สานสูงประมาณเอว กั้นเป็นอาณาเขตห่างจากต้นไม้ประมาณ 3 วา เว้นช่องทางให้เข้าทั้งหมด 8 ช่อง เพื่อเป็นประตู 8 ทิศ แต่ละประตูสร้างศาลตีนเดียวสูงประมาณ 2 วา ที่ศาลจะมีเครื่องเซ่นสังเวยด้วย ก่อนที่จะเริ่มพิธีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจะเอารังผึ้งปลอม (ทำจากขนมแดกงา) ไปติดตามต้นไม้รอบบริเวณนั้นจะมีกี่รังก็ได้ แต่จะต้องมีรังหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 1 ศอกเป็นรังผึ้งหลวงเพื่อใช้ประกอบพิธี อีกกลุ่มหนึ่งก็เอาผ้าสามสีและด้ายขาวแดงมาพันรอบต้นไม้ใหญ่ แต่เดิมนั้นใช้ผ้าม่วงผ้าไหมปัจจุบันหาไม่ได้แล้วจึงใช้ผ้าสามสีแทน และที่ผ้าสามสีจะประดับด้วยเหรียญเงินโดยรอบ เรียกว่า พวงเงิน พวงทอง ด้ายแดงขาวอีกส่วนหนึ่งนำไปพันที่รอบต้นไม้ใหญ่ 9 รอบ ตรงหน้าต้นไม้ใหญ่สร้างศาลตีนเดียวขนาดใหญ่หนึ่งศาล หน้าศาลมีที่วางเครื่องเซ่นสังเวย ได้แก่ บายศรี 1 ปาก หัวหมู 1 หัว ตีนหมู 8 ตีน หางหมู 1 หาง ไก่ต้ม 1 ตัว เหล้าป่า ข้าวเหนียวขาว ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ข้าวสุกจากปากหม้อ ผักหญ้า ปลายำ ไข่ต้ม มะพร้าวอ่อน 1 ผล หมากพลูอย่างละ 3 คำ ธูป 3 ดอก เทียน 3 เล่ม เครื่องเซ่นเหล่านี้จะแบ่งไปตามศาลตีนเดียวทั้ง 8 ศาลด้วย |