|
ประวัติ |
การศึกษา |
ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากโรงเรียนวัดวาลุการาม จนอายุได้ 20 ปี จึงเข้าอุปสมบทที่วัดวาลุการามกับหลวงพ่อหอม โดยมีพระอาจารย์ก้อน และพระสมุห์จ้อย เป็นพระคู่สวด หลวงปู่โถม ได้ศึกษาหลักวิปัสนากรรมฐานและพุทธาคมเพิ่มเติมจากพระอุปัชฌาย์ และสอบได้เป็นนักธรรมโทในปี พ.ศ.2488 |
การปกครองและสมณศักดิ์ |
ต่อมาในปี พ.ศ.2490 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลและได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนาม พระครูพิศาลธรรมคุณ ในปี พ.ศ.2499 ปี พศ.2501เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท (พัด จปร.) ในปี พ.ศ.2502 |
ปี พ.ศ.2510 ท่านได้มาสร้างวัดธรรมปัญญาราม ขึ้นที่วัดหนองไอ้ด้วน ริมถนนสายสุโขทัย-กำแพงเพชร โดยได้รับการบริจาคที่ดินจำนวน 22 ไร่ จากผู้มีจิตศรัทธาในย่านนั้น จากนั้นอีก 6 ปี ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอคีรีมาศ และเจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญาราม และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม จนถึงปี พ.ศ.2542 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในราชทินนาม "พระมงคลสุนทร" หลวงปู่โถม มีบุคลิกลักษณะแบบคนโบราณคือมีรูปร่างสูงสง่า อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ เป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ยึดติดในวัตถุ แม้ท่านจะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดแต่ก็ยังดำรงตนอย่างสมถะอย่างสม่ำเสมอ |
หลวงปู่โถม เป็นพระที่มีวิชาแก่กล้า เก่งทั้งทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคม แต่มักเก็บตัวและไม่แสดงออก เพราะไม่อยากให้ใครยึดติดในสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ในเรื่องของการปั้นพิมพ์และการหล่อพระแบบโบราณ ปี พ.ศ.2520 ได้ออกวัตถุมงคลรุ่นแรกเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถ ปัจจุบันเป็นที่นิยมแสวงหากันมากในหมู่ศิษย์ ด้วยเพราะมีพุทธานุภาพสูงด้านเมตตามหานิยม และคงกระพันแคล้วคลาด ปัจจุบันหลวงปู่โถมมีลูกศิษย์มากมายในจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดในแถบหัวเมืองภาคเหนือแทบทุกจังหวัด |